กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ปลื้ม! FTA สร้างเครือข่ายสินค้าไทย ขยายการส่งออกด้วย FTAประสบความสำเร็จอย่างมาก 7 วัน ทำยอดขายกว่า 4.8 ล้านบาท ย้ำ! เดินหน้าชี้ช่องเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ ใช้ FTA ขยายส่งออกตลาดจีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และสหรัฐฯ มั่นใจสินค้าท้องถิ่นไทยเจาะตลาดในประเทศและต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จัดโครงการFTA สร้างเครือข่ายสินค้าไทย ขยายการส่งออกด้วย FTA ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ สำหรับการจัดงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 4 โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนาชี้ช่องทางการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเออย่างคับคั่ง ซึ่งมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าระหว่างประเทศ การทำตลาดออนไลน์และออฟไลน์จากภาครัฐและภาคเอกชน มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์จริงเรื่องการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ เพื่อเพิ่มแต้มต่อทางการค้าและขยายการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ

         นางอรมน เสริมว่า กรมฯ ได้นำเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการจากจังหวัดต่างๆ ทุกภูมิภาค จำนวน 40 ราย ที่เคยเข้าร่วมกิจกรรมและโครงการกับกรมฯ มาร่วมสร้างเครือข่ายธุรกิจ ขยายตลาดในกรุงเทพฯ พร้อมจำหน่ายสินค้าดีมีคุณภาพจากท้องถิ่น ทั้งสินค้าเกษตร อาหารแปรรูป เครื่องใช้ ผ้าทอ และเครื่องประดับ อาทิ นมโคแปรรูป ชา กาแฟ ผลไม้ออร์แกนิค ผ้าไหม ผ้าบาติก และกระเป๋ากระจูด โดยมียอดจำหน่ายกว่า 4.8 ล้านบาท สำหรับสินค้าดาวเด่นและมียอดจำหน่ายสูง เช่น ผ้าไหมบ้านนาโพธิ์บุรีรัมย์ เครื่องประดับเทวิกาจันทบุรี ข้าวอินทรีย์บ้านข่อยสูงอุตรดิตถ์ และผลิตภัณฑ์ยางพาราเพียงใจไทยสปากำแพงเพชร เป็นต้น รวมทั้งยังได้ยอดสั่งซื้อสินค้าเพื่อจำหน่ายตลาดในประเทศ และส่งออกไปตลาดโลก ทั้งสหภาพยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รวมถึงการติดต่อให้ผลิตสินค้า (OEM)นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังได้เจรจาธุรกิจกับบริษัท อาลีบาบา จำกัด เพื่อนำสินค้าขึ้นในเว็ปไซต์ Alibaba จำหน่ายในตลาดจีนและตลาดโลก และสร้างเครือข่ายการค้ากับบริษัท วิถีไทย จำกัด เน้นการประชาสัมพันธ์สินค้าหัตถกรรมประเภทผ้าทอ เสื้อผ้า และกระเป๋า ในเว็บไซต์และไลน์ ส่งออกไปตลาดญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และสหรัฐฯ สำหรับคลินิก FTA Center ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการและผู้เข้าร่วมงานอย่างมาก เนื่องจากให้รับข้อมูลและคำแนะนำเรื่องการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงความตกลงการค้าเสรี กฎระเบียบทางการค้า และอัตราภาษีนำเข้าสินค้าของประเทศคู่ค้า ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาและต่อยอดธุรกิจได้กรมฯ ให้ความสำคัญกับการจัดงานครั้งนี้ เนื่องจากต้องการสร้างความตระหนักรู้เรื่องเอฟทีเอให้กับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ และประชาชนผู้สนใจ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดการค้าเสรี โดยใช้เอฟทีเอเป็นเครื่องมือสำหรับการส่งออก รวมทั้งเน้นการหาตลาดให้กับสินค้าไทยสำหรับจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศ พร้อมกระตุ้นให้ใช้วัตถุดิบในพื้นที่ นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาพัฒนาสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนหาช่องทางการจำหน่ายทั้งตลาดออนไลน์และออฟไลน์ โดยกรมฯ พร้อมผลักดันสินค้าช้างเผือกจากชุมชน ให้สามารถใช้เอฟทีเอส่งออกในตลาดการค้าเสรีต่อไป

(ข้อมูลจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ)